- ฮาร์ดแวร์ให้สัมผัสที่แน่นหนาสมระดับราคาของเครื่องอย่างมาก
- ประสิทธิภาพของกล้องโดดเด่นน่าประทับใจในแทบทุกสภาพแสง
- เป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มีสเปคสูงมากสุด เท่าที่มีในตลาด (ณ ไตรมาสแรก ปี 2561)
- ตอบโจทย์สายมัลติมีเดียอย่างจัง ทั้งภาพและเสียง
- Android 8 พร้อมอัปเดตแบบ OTA
- ยังมีพอร์ตหูฟังมาให้ ไม่ตัดทอน!
- ผิวกระจกดึงดูดคราบรอยนิ้วมือง่ายมาก ต้องเช็ดบ่อยครั้ง หรือช่างมันไป
- ดีไซน์คล้ายรุ่นก่อนหน้า (Galaxy S8) แบบใกล้เคียงกัน
- UI แม้จะสะอาดตากว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า แต่ยังคงกลิ่นอายสไตล์ซัมซุง
- แบตเตอรี่เท่ารุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ได้รับการอัปเกรดแต่อย่างใด
ถ้าต้องการสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาด ณ ช่วงนี้ โดยตัด iPhone X ออกไป.. นี่เป็นตัวเลือกที่แนะนำได้อย่างเต็มปากเต็มคำสุดแล้ว เอาอยู่ในแทบทุกอย่างที่ท่านคาดหวัง และไม่คาดหวัง เป็นคนที่ชอบถ่ายรูปสีสดใส ชอบเลือกสมาร์ทโฟนแบบง่ายๆ ไม่ได้คิดมากอะไร โอเคกับ Android เวอร์ชั่น Samsung มีงบประมาณมากกว่า 2 หมื่นปลายๆ แตะสามหมื่น
ปุบปับไม่กี่ปี Samsung Galaxy S ซีรี่ส์ ก็มาถึงปีที่เก้าแล้ว เราได้เห็นทิศทางของ Samsung ที่พัฒนาไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในทางที่ดี และไม่ดีนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่มี Samsung galaxy S ซีรี่ส์ เราคงนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เจ้าไหน ที่จะมียอดขายและการกล่าวถึงอย่างหนาหูเท่า (คือเป็นรอง iPhone ก็ว่าได้กระมัง) สำหรับการก้าวสู่รุ่นที่เก้านี้ จะน่าก้าวเท้าจ่ายเงินคว้ามันมา หรือซัมซุงนั้นจะคว้าน้ำเหลวไป ? เราจะมาลองใช้ดูกัน
*บทความนี้ได้รับการสนับสนุนการให้ยืมสินค้าจากซัมซุงประเทศไทย โดยทางซัมซุงประเทศไทย มิได้มากำกับการรีวิว และไม่ได้ก้าวก่ายแต่อย่างใด โดยถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนโดยตรง*
Specification
สเปกเด่นของ Galaxy S9 และ S9 Plus จะมีประมาณนี้
- จอภาพ 5.8 นิ้ว (S9) 6.2 นิ้ว (S9+) OLED quad HD+ (2960×1440) Infinity Display
- Snapdragon 845 (เฉพาะอเมริกาและจีน) / Exynos 9810 (นอกประเทศอเมริกาและจีน)
- 4GB/6GB RAM & 64GB/256GB ROM + microSD up to 400GB
- กล้องหลัก 12MP พร้อมกลไกปรับรูรับแสง 2 ระดับ f/2.4 และ f/1.5 (S9 และ S9+)
- กล้องเสริม 12MP เลนส์ telephoto (S9+)
- กล้องหน้า 8MP front camera with f/1.7 aperture
ถ้าต้องการอ่านอย่างละเอียด อ่านได้ที่ข้อมูลสินค้า Galaxy S9 และ Galaxy S9 Plus ต่อละกันนะครับผม
Design & Material
บ้างอาจสับสนได้ว่าตกลงนี่ S9 รึ S8 ?
ดีไซน์ของ S9 และ S9 Plus แทบไม่แตกต่างกันเลย รอบนี้มาแบบเพลย์เซฟไว้ก่อน คือเน้นปรับปรุงข้อด้อยใน S8 เป็นหลัก อย่างตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือจากที่อยู่ขนานข้างกล้องหลัก อันขึ้นชื่อว่าพลาดเอานิ้วไปปาดหน้าเลนส์กล้องได้ง่ายมากๆๆ รอบนี้ S9 เอาไปอยู่ด้านล่างกล้องหลักลงมาหน่อย ผิวกระจกล้วนตัดกับโลหะ
ด้านข้างคงความโค้งมลตามสไตล์ Samsung หน้าจอแบบ Infinity Display ใหญ่เกือบกินพื้นที่ทั้งเครื่อง ตัวกระจกมีการเคลือบสีเนียนกว่า S8 มากขึ้น ยังดีที่จอไม่มีติ่งแบบผู้ผลิตแอนดรอยด์หลายเจ้าที่เลียนแบบ iPhone X มา.. ความบางทั้งด้านบนและด้านล่างกำลังดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีอาจถือลำบากสำหรับคนที่ไม่ชอบขอบจอด้านข้างแบบ S8 มาก่อน มาลอง S9 อาจไม่ถูกจริตอยู่ดี
Software
S9 มากับ Android 8.0 ล่าสุด ณ วันเปิดตัว พร้อมอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA (Over-The-Air) ทำเรารู้สึกว่า Samsung คงจะแคร์การอัปเดตเฟริมแวร์ให้อินเทรนด์ไปได้นานหน่อย (ประมาณ 18 เดือน) ตัวระบบ Android ใน S9 ถือว่าลื่นไหลอย่างมาก หน้าตาสะอาดมินิมอลอย่างชัดเจน ถ้าไม่ชอบธีมของสมัย galaxy S5, S6 หล่ะก็ ลองมาใช้ S9 จะพบได้ว่า เออ น่าใช้ขึ้นมาก ถือเป็นพัฒนาการที่ดีของ Samsung ที่คอยปรับให้ประสบการณ์การใช้งาน (UX) ไม่รกรุงรัง เพิ่มเติมคือการใส่ฟีเจอร์พิเศษมากกว่า Android ดั้งเดิมอยู่ดังเคย และมีแอปซ้ำซ้อน…
Samsung พยายามสร้างจุดเด่นเพื่อแยกตัวเองให้เด่นกว่าคู่แข่งกับฟีเจอร์หลากหลายอันที่ยัดที่ซ่อนอยู่ประปรายตาม Setting (การตั้งค่า) ซอฟต์แวร์ผู้ช่วยส่วนตัว bixby ที่เหมือนจะดีแต่สำหรับเรานั้นยังไม่อยากใช้มันเท่าไหร่ UI หลายจุดยังคงเป็นลายเซ็นของ Samsung แต่ที่ทำให้เอียนก็คงเป็นแอปของโลก Google กับ Samsung ยัดมาพร้อมกัน กล่าวคือ ปฏิทินของ Google กับ Samsung .. เว็บเบราเซอร์ของ Google กับ Samsung ยัน Store ของ Google กับ Samsung … ถ้าไม่ติดว่า Android เป็นระบบปฏิบัติการบนมือถือที่ผู้คนใช้มากที่สุดไล่เลี่ยกันกับ iOS นะ … Samsung คงใส่ tizen OS มาแทนแล้วแหละ อย่างไรก็ดี โลกคู่ขนานอันนี้ คุณคือผู้ตัดสิน ไปค่ะ!
Performance
S9 กับ S9 Plus ไม่ต่างกันนักในเรื่องความแรง ทั้งสองรุ่นมีประสิทธิภาพแรงเหมือนกันแบบฝาแฝดเลยทีเดียว ด้วยสกอร์พุ่งพรวดที่สุดของที่สุด เท่าที่สมาร์ทโฟนใหม่เปิดตัวกัน (ณ เดือน มีนาคม 2561)
S9 กับ S9 Plus ต่างกันแค่แบตเตอรี่ (3,000mAh vs. 3,500mAh) และแรม (4GB vs. 6GB) โดยแรม 4GB ถือว่าเยอะในแทบทุกบริบทการใช้งานสมาร์ทโฟนเท่าที่จะจินตนาการในปี 2018 ก็ว่าได้ ถ้าไม่ชอบมือถือจอใหญ่แต่ไม่อยากโดนหั่นสเปคก็ตัดสินใจง่ายหน่อย เว้นเสียว่าท่านต้อนอยู่กับ Google Chrome เปิดมันหลายสิบแท็บ ประกอบกับเปิด 2 แอปพร้อมกันในหน้าจอเดียวกัน .. อันนี้ผมเชียร์ให้เลือกแรม 6GB ไปเลย เจ็บแต่จบ ในแง่ของ Performance ไม่หนักใจเลยว่าจะหน่วงอะไร
Camera
กล้องถ่ายรูปเป็นหัวข้อที่บอกได้เลยว่า S9/S9 Plus มาเหนืออย่างแท้จริง (เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า) ด้วยฮาร์ดแวร์ปรับขนาดรูรับแสง, เซนเซอร์ที่ปรับแต่งจากเดิม, ซอฟต์แวร์กล้องที่ดีขึ้น และ UI คล้าย iOS ทำให้การถ่ายรูปผ่าน S9 นั้นสนุกอย่างมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะมืดมนขนาดไหน ตราบใดที่ตาท่านยังมองเห็นแสงรำไรก็เป็นพอ
(ภาพประกอบในบทความนั้นไม่สามารถแสดงอย่างคมชัดเท่าที่เราต้องการ เพื่อความสะดวกของผู้อ่านและเห็นภาพหลากหลาย ท่านสามารถดู และดาวน์โหลดอัลบัมภาพจากกล้อง S9/S9 Plus ได้ที่ >>Samsung Galaxy S9: Camera Test Drive<<
กล้องหลักของ S9/S9 Plus สเปกไม่ต่างกัน คือมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซลเป็นตัวหลัก ส่วน S9 Plus จะมีกล้องที่สองแบบเลนซ์เพื่อการซูม 2 เท่าเป็นหลักโดยเฉพาะ สิ่งที่พบได้ทันทีที่เปิดกล้อง คือปริมาณแสงที่เข้ากล้องมากกว่ากล้องมือถือทั่วไปอย่างมาก มีไดนามิคของภาพอย่างเหนียวแน่น แสงและสีมาแน่นมาเต็ม ตอนกลางคืนก็สว่างไม่แพ้กัน ไดนามิคของภาพยังมาสูงซะทำให้วัตถุในภาพ Pop ขี้นมา เด่นเสียจนทำกล้องมือถืออื่นส่วนใหญ่ดับไปเลยทีเดียว แม้จะต้องแลกกับการพบนอยซ์ค่อนข้างชัดอยู่บ้างใน ยังไงก็ดีกว่ามองไม่เห็นอะไรเลย(ซึ่งเป็นบ่อยในกล้องสมาร์ทโฟนอื่น)
บางครั้งจะพบได้ว่าแสงเข้ากล้องมากไป ต้องลดลงมาหน่อย เฉดสีของกล้องนี้คงสไตล์ Samsung ดั่งที่รุ่นก่อนหน้าเป็น นั่นคือสีสดจัดจ้านอย่างไม่ประนีประนอมใดๆ ถ้าต้องการความสมจริงของสีในภาพ ท่านต้องใช้โหมดโปรแล้วปรับโทนสีลงมาเอง
กล้องหน้าของ S9/S9 Plus ก็เหมือนกัน ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus อันคมชัดจนเห็นสิวเห็นฝ้าเด่น ฮาาา ในกล้องหน้านี้มีโหมดสำหรับเซลฟี่หลากแบบ ทั้งแบบปกติ, แบบหน้าชัดหลังเบลอ, เซลฟี่กลุ่ม(ถ่ายหลายคนให้อยู่ในหนึ่งเฟรม) แม้ความละเอียดไม่ได้เทียบเท่ากล้องหลัง แต่ยังได้ภาพที่ละม้ายคล้ายคลึงกล้องหลัง ไม่น้อยหน้าไปสักเท่าไหร่ แทร็กใบหน้าได้แม่นและไว เบลอฉากหลักค่อนข้างแม่น เบลอผิดพลาดน้อยอยู่ พอสะดวกในการใช้เชิงแคชชัล ลง Instagram อะไรประมาณนี้ แม้จะใช้กล้องเดียวในการถ่าย
AR Emoji มันก็แปลกดี ที่สร้างอิโมจิในแบบฉบับของตัวเองโดยใช้แค่กล้องหน้า หรือจะใช้ Emoji อื่นๆ แบบสำเร็จรูปก็มีไม่น้อย แต่.. ผมไม่อินกับมันเท่าไหร่ เห่อวันแรกๆ แล้วก็ลืม อารมณ์ Emoji ของ iPhone X ที่หลายคนใช้ไม่บ่อยครั้งเท่าไหร่นัก อีกอย่าง AR Emoji ยังจับตำแหน่งใบหน้าไม่แม่นยำดั่งใน iPhone X
การถ่ายวิดีโอของเครื่องนั้นถ่ายได้ละเอียดถึงระดับ UHD 4K (3840 x 2160) @60fps (เฟรมต่อวินาที) เลยทีเดียว พร้อมโฟกัสอัตโนมัติและกันสะเทือน EIS คือดีมาก ทั้งภาพและเสียง สามารใช้ถ่าย Vlog สบายๆ ส่วนวิดีโอแบบ Slow Motion นั้น Samsung ไล่ตาม Sony Xperia กันชัดเจน ด้วยอัตราเฟรม 960fps ในระดับ HD (720p) เลือกได้ว่าให้อัดวิดีโออัตโนมัติที่มีการเคลื่อนไหวในกรอบเหลือง หรือกดอัดเอง (ซึ่งยากต่อการกะจังหวะ 0.2 วินาทีให้ได้วิดีโอยาว 6 วิอันเพอเฟค) 240fps @FHD
Conclusion
สมาร์ทโฟนปี 2018 เป็นจุดที่เรียกได้ว่าจุดยืนยิ่งสูงและดุเดือดมาก เพราะในช่วงที่ Samsung Galaxy S9/S9 Plus เปิดตัวนั้นมีสมาร์ทโฟนเรือธงที่ยืนตำแหน่งอย่างเหนียวแน่นอย่าง iPhone X คู่แข่งใหม่ที่เปิดตัวตามติดอย่าง Huawei P20/P20 Pro พร้อมกับกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางค่อนสูงอย่าง Vivo V9 ก็เข้าแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดกันแทบทุกอณู แต่กระนั้น จุดยืนของ Samsung Galaxy S9 ที่สมบูรณ์สุดเท่าที่ Samsung ทำมา และสมน้ำสมเนื้อในการเทียบเคียงแข่งกับสมาร์ทโฟนอื่น หรือไม่ต้องคิดอะไรนอกจากซื้อทันที ถ้าสมาร์ทโฟนที่มีอยู่นั้นเก่าแก่ เชื่องช้า อย่างมากมาย คือเรียกว่าเอาอยู่กับทุกอย่างไปนานเป็นปีๆ อย่างสบายเลย
เหมาะกับ
– ผู้ต้องการสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่แรงสุดเท่าที่มี
– สมาร์ทโฟนที่กล้องโดดเด่นในแทบทุกสภาพแสง
– ผู้ที่ไม่ต้องการใช้ระบบ iOS
– ผู้ที่สมาร์ทโฟนเก่าไม่ตอบสนองดั่งใจแล้วต้องการเครื่องที่แรงกว่า
– ผู้ที่ชอบสีสันสดใสจากกล้อง, หน้าจอ
ไม่เหมาะกับ
– ผู้ที่ไม่อยากเรียนรู้การใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (ใช้เป็นแต่ iOS)
– ผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนระดับราคาไม่เกินสองหมื่น
– ผู้ที่ถือ Galaxy S8/S8 Plus อยู่แล้ว