7 วิธีเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่คุณควรรู้

ทุกวันนี้มีนวัตกรรมที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น เกิดใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นคือหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ผู้ช่วยทำความสะอาดบ้าน สำหรับคนยุคใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลากวาดพื้น ถูบ้าน ดังนั้นด้วยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติจึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่แบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับคุณ วันนี้เรามีคำแนะนำในการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น มาให้พิจารณากัน

1. ความจุกล่องเก็บฝุ่น

สิ่งแรกที่ควรดูเลยคือความจุกล่องเก็บฝุ่น ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแต่ละรุ่นก็จะมีขนาดความจุไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 200 – 800 มิลลิลิตร ดังนั้นถ้าจะให้ดีก็ควรเลือกขนาดความจุยิ่งมากยิ่งดี เพราะไม่ต้องเสียเวลานำเศษขยะไปเททิ้งบ่อยๆ นั่นเอง

02-mister-robot-neptune-white-qtmv16020003-13

กล่องเก็บฝุ่นของ Mister Robot หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Neptune – White

2. ความจุแบตเตอรี่ และระบบชาร์จ

แหล่งพลังงานสำคัญของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นคงหนีไม่พ้น แบตเตอรี่ ซึ่งจะต้องมีความจุเพียงพอและเหมาะสมกับการทำความสะอาดห้องทั่วไปได้ทั่วถึง โดยควรมีระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นอกจากนี้ควรจะมีระบบวิ่งกลับฐานชาร์จอัตโนมัติ หรือ Self Charging Base เพราะเมื่อแบตใกล้หมดหุ่นยนต์ก็จะได้กลับมาชาร์จแบตให้ตัวเองอัตโนมัติ เมื่อชาร์จเต็มแล้วก็สามารถกลับไปทำความสะอาดในส่วนที่ค้างอยู่ได้ทันที

irobot-roomba_620-3

3. ระบบแปรงปัดฝุ่น

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่หุ่นยนต์ดูดฝุ่นต้องมีคือระบบแปรงปัดฝุ่น ซึ่งจะมีให้เลือกหลายแบบ โดยหลักๆ จะต้องมีแปรงปัดฝุ่นด้านหน้าตัวเครื่องอย่างน้อย 2 ข้าง ซ้ายและขวา เพื่อทำหน้าที่กวาดเศษขยะและฝุ่นผงต่างๆ เข้าสู่ท่อดูดฝุ่นใต้ตัวเครื่อง นอกจากนี้หากต้องการเน้นดูดฝุ่นในพื้นที่ที่มีขนสัตว์เลี้ยง เช่น ขนน้องแมว หรือขนน้องหมา ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องเลือกรุ่นที่มีแปรงดักจับขนสัตว์เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นล้อแปรงติดอยู่กับช่องดูดฝุ่นใต้ตัวเครื่อง

irobot-880-july-2015_10

ระบบแปรง AeroForce ของ iRobot Roomba 880

autocleano_chappie-09

ระบบแปรงกวาดฝุ่นและขนสัตว์ของ AUTOCLEANO หุ่นยนต์ดูดฝุ่น CHAPPIE

4. เซนเซอร์กันตกจากที่สูง

ถือเป็นสิ่งนี่น่าจะเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะต้องมีไว้ เพราะหากไม่มีเซนเซอร์กันตกจากที่ทางต่างระดับหรือที่สูง คงเป็นอันตรายต่อตัวเครื่องอย่างแน่นอน ส่วนใครจะเลือกรุ่นที่มีเซนเซอร์ตรวจจับขยะได้ หรือระบบกันกระแทกกับสิ่งของ เพิ่มเติมก็จัดไปตามความต้องการและงบประมาณได้เลย

irobot-roomba_765-3

5. ฟิลเตอร์ HEPA

แน่นอนว่าระบบการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น คือการดูดอากาศเข้าจากช่องดูดฝุ่น แล้วปล่อยอากาศออกไปอีกทางหนึ่งของตัวเครื่อง ซึ่งก่อนที่จะปล่อยอากาศออกไปทางช่องระบาย จะต้องมีฟิลเตอร์ไว้กรองฝุ่นที่ดูดเก็บเข้ามา ไม่ให้กระจายกลับไปภายในห้องของคุณ ซึ่งฟิลเตอร์ที่ได้รับความนิยม และเป็นมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วโลกคือ ฟิลเตอร์ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) นั่นเอง ซึ่งมีความสามารถในการกรองอนุภาคได้เล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ที่ 99.99% เลยทีเดียว (ข้อมูลอ้างอิง ISSCOTHAI)

irobot-880-july-2015_19

6. โหมดการทำงาน

สำหรับโหมดการทำงานพื้นฐานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ต้องมีคือ โหมดอัตโนมัติ (Auto), โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด (Spiral/Spot) และ ทำความสะอาดแบบซิกแซก (Zigzag) ส่วนโหมดอื่นๆ อย่างการทำความสะอาดตามมุมห้อง (Edge) หรือโหมดวิเคราะห์ขนาดพื้นที่ห้อง อาจจะอยู่ในเครื่องรุ่นท็อปๆ สำหรับคนที่มีงบมากขึ้นหน่อย

misterrobot-jupiter-02

7. ฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติม

นอกจากนี้ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นบางรุ่น ยังมีฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ ที่คุณอาจจะนึกไม่ถึง และอาจจะเป็นตัวเลือกที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย

  • ตั้งตารางการทำงาน : คุณสามารถตั้งเวลาการทำงานอัตโนมัติในแต่ละวัน หรือจะกำหนดเป็นตารางในแต่ละสัปดาห์ว่าจะให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ทำงานกี่ครั้งต่อสัปดาห์
  • รีโมทควบคุม : สามารถใช้รีโมทสั่งงาน ควบคุม ได้แบบไร้สาย ตามต้องการ
  • Virtual Walls ระบบกำแพงเสมือน : มีอุปกรณ์สร้างกำแพงเสมือน เพื่อกั้นแบ่งส่วนการทำงานเฉพาะห้องได้
  • เซนเซอร์ตรวจจับขยะ : ระบบเซนเซอร์ตรวจจับขยะหรือสิ่งสกปรกได้
  • กล้องวงจรปิดในตัว : มีกล้องวงจรปิดในตัว เอาไว้เฝ้าตรวจสอบความปลอดภัยภายในบ้าน
  • มีระบบถูพื้นในตัว : มาพร้อมฟังก์ชันถูพื้นได้ในตัว ทั้งดูดและถูไปได้พร้อมกัน

ทั้งหมดนี้คือแนวทางการเลือกซื้อ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่คุณควรรู้เอาไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจ เพื่อจะได้ตรงใจกับความต้องการของคุณมากที่สุด

ช้อปออนไลน์หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

0.00 avg. rating (0% score) - 0 votes

Comments

comments

We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

ช้อปปิ้งออนไลน์ WeMall ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่แรกในประเทศไทย