หลักการเลือกสมาร์ทโฟน จากที่คล้ายสมัยคอมพิวเตอร์พีซีในหลายสิบปีก่อน ที่ตัว CPU แรกๆ ยังเน้นตัวเลขเป็นหลัก แต่หลังๆ เริ่มมีโฆษณาองค์ประกอบที่ไม่คุ้นตาทีละนิดทีละหน่อย หรือมีชิปเพิ่มเติมอย่าง GPU (ที่ติดปากกันว่า “การ์ดจอ” ) และล่าสุดนี้ ก็มีหนึ่งในสิ่งที่ไม่นึกว่าจะสามารถใส่บนเครื่องเล็กๆ ได้ อย่าง AI บนชิปที่มีชื่อเรียกว่า NPU (Neural Processing Unit)
แล้วมันคืออะไรกันนะ? เราจะลองหยิบสิ่งใหม่ในวงการสมาร์ทโฟนนี้มาพูดถึงกัน
อะไรคือ AI ?
Artificial intelligence หรือ AI ภาษาไทยแปลกว่า ปัญญาประดิษฐ์ นั่นก็คือการสร้าง “สมอง” โดยที่มีความสามารถใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสมองของมนุษย์ แม้หลักการด้าน AI นี้จะก้าวหน้ากว่าอดีตไปมากจนมนุษย์กังวลมากก็ตามที แต่เอาเข้าจริงผลลัพธ์จากโครงการหลายด้านยังถือว่าไม่ได้ล้ำหน้าจนสามารถทดแทนมนุษย์เท่าใดนัก
แล้วมีอะไรที่เกี่ยวกับ AI บนมือถือ
AI มักจะหยิบมาใช้ในการโฆษณาสมาร์ทโฟน มิใช่ AI แบบที่เราเข้าใจว่า “มัน” จะควบคุมชีวิตเราเสียด้วยซ้ำ สำหรับ AI ที่ว่า ซึ่งมีบนชิปสมาร์ทโฟน เป็นการหยิบนำศาสตร์และสาขาย่อยของ AI มาเป็นหน่วยประมวลพิเศษแยกมาจาก CPU ปกติ โดยที่พบส่วนใหญ่จะมีประมาณนี้
- Machine learning (การเรียนรู้ของเครื่อง) – การที่เครื่องสามารถสร้างอัลกอริทึม สร้างหลักการในการเรียนรู้สรรพสิ่งโดยตัวมันเอง แทนที่ต้องพึ่งพานักพัฒนาซอฟต์แวร์มาป้อนข้อมูล พบได้บ่อยในระบบการเรียนรู้ใบหน้าบุคคล (รูปนี้มีใครบ้าง ? แต่ละคนมีภาพกี่ภาพ ?)
- Neural network (โครงข่ายประสาทเทียม) – คือแนวคิดในการสร้างแนวทางในการเรียนรู้ ทำงาน หาแนวทางออกมากกว่าหนึ่งวิธี เทียบเคียงภาพได้ดั่งสมองมนุษย์ที่มีเส้นสื่อประสาทมหาศาล สื่อสารกันและกัน คิดหลายอย่างได้ มองทางออกของปัญหาได้มากกว่าเส้นทางเดียว ซึ่งเป็นข้อเสียของ CPU แบบปกติ พบได้บ่อยในการวิเคราะห์องค์ประกอบของภาพ เพื่อช่วยในการจัดแสงและเฉดสี เป็นต้น
- Heterogeneous computing (หน่วยประมวลผลต่างชนิดในชิปอันเดียวกัน) – หลักการของแนวทางนี้คือการคละ CPU ที่ไม่มีสเปคเหมือนกันเป๊ะในแต่ละ Core เพื่อลดจุดด้อยของสเปค CPU รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งให้น้อยที่สุด แม้ไม่นับว่าเป็น AI โดยหลัก แต่ช่วยให้งานอันซับซ้อนนั้นลื่นไหลและมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน ซึ่งเราจะพบได้มากสุดในชื่อเทคโนโลยี ARM big.LITTLE ที่ให้ CPU ความเร็วต่ำรับงานเบาๆ เพื่อออมแบตเตอรี่ แล้วค่อยใช้ CPU ทุกหัวทั้งตัวแรงและตัวเบา ไปกับงานหนักอย่างเล่นเกมและงานเชิง AR
แล้วมันแตกต่างกับ CPU เดิมอย่างไร ?
เนื่องจากแนวทางการใช้สมาร์ทโฟนของยุคนี้ซับซ้อนมาก มีข้อมูลเชิงนามธรรมที่ไม่อยู่ในรูปแบบตัวอักษรเยอะขึ้น เช่น ภาพถ่าย, วิดีโอ, ข้อมูลทางชีวภาพ ฯลฯ หลักการสร้างชิปแยกต่างหากเป็นพิเศษนี้ ช่วยให้ประมวลในศาสตร์เฉพาะด้านได้อย่างดี เนื่องจากงานที่ต้องคิดแบบมนุษย์นั้น CPU ไม่ถนัด เช่น ถ้าคุณบอกให้นักเศรษฐศาสตร์ไปถ่ายภาพวิวเมืองพร้อมแต่งภาพให้มีคุณภาพระดับมาสเตอร์พีซ ก็ไม่ใช่เรื่องซักเท่าไหร่นัก
ถ้าเคยคุ้นตากับเกม Pokémon Go ก็น่าจะพอจินตนาการได้ว่าเป็นเกมที่ซดแบตเตอรี่หนักมาก นั่นเพราะ CPU รับงานหนักในการประมวลเบื้องหลังเพื่อสร้างภาพเสมือนให้เราได้จับดิจิม่อน ซึ่งถ้าเกมนี้สามารถแบ่งงานให้ NPU รับงานกระบวนบางอย่างที่ CPU ไม่ค่อยถนัดไปแทน จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหลขึ้นเยอะ และแบตเตอรี่ลดช้าลงได้แน่
ถ้าอ่านถึงจุดนี้แล้ว อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เพราะ NPU นี้ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของหลากหลายผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งงานด้านนี้ยังต้องการการปรับจูนเพื่อใช้บนอุปกรณ์ไร้สายอย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีที่ว่างอีกมากในหลายแบรนด์ที่ยังไม่มี NPU แล้วผลักให้ใช้ cloud computing แทนอยู่
แต่ถ้าท่านอยากอินเทรนด์ก่อน จะซื้อสมาร์ทโฟนใหม่อยู่พอดี ปัจจุบัน Huawei ได้ผลิตชิป Kirin 970 ที่มี NPU ผสมแล้ว พบได้ในสมาร์ทโฟน Huawei Mate 10 และ Huawei Mate 10 Pro เป็นหลัก ซึ่งทาง Huawei ชูว่าการมี NPU มีผลต่อประสบการณ์การใช้งานโดยรวมที่ดีขึ้นกว่าอย่างสัมผัสได้ ทั้งการใช้งานทั่วไป การถ่ายภาพ การสนทนาสายโทรศัพท์ สารพัดสิ่งเล็กน้อยที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้น ก็หวังว่าจะเป็นรุ่นที่เข้าตาท่านผู้อ่านนะครับผม