ใครชนใคร ? ใครควรรับผิดชอบ ? เขาหรือคุณ ?
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งจากความประมาทของคุณหรือผู้ร่วมท้องถนน ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ขับขี่เพราะขาดพยานและหลักฐานที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ โดยที่ปัญหาเรื่องข้อพิพาทของคู่กรณีสามารถลดให้น้อยลงได้ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีของกล้องติดรถยนต์เข้ามาติดตั้งไว้ในรถยนต์ของคุณ หลายครั้งที่ไฟล์ภาพหรือวีดีโอจากกล้องติดรถยนต์ได้ถูกใช้เป็นหลักฐานในการตัดสินถูกผิดของคู่กรณีดังนั้นกล้องติดรถยนต์จึงกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่ผู้ขับขี่มักหามาติดรถของตนเองไว้เพื่อความอุ่นใจ ซึ่งกล้องติดรถยนต์ในท้องตลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานซึ่งมีความแตกต่างกันขององศารับภาพ ขนาดของไฟล์ภาพที่บันทึก และฟีเจอร์พิเศษเพิ่มเติมอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่เสริมเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการเลือกใช้งานของคุณ ซึ่งข้อมูลข้างล่างนี้ได้ถูกคัดเลือกและจัดเรียงมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้คุณได้พยานปากเองที่ตรงกับใจและความต้องการมากที่สุดครับ…
ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์
แน่นอนว่าก่อนจะเลือกซื้ออะไรคงปฎิเสธไม่ได้ว่างบประมาณจะก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อ แต่กับกล้องติดรถยนต์ผมอยากให้มองข้ามความสำคัญของงบประมาณไปซักแป๊ปนึงก่อนแล้วมาให้ความสนใจกับฟีเจอร์สำคัญเพราะอย่าลืมว่ากล้องติดรถยนต์นั้นเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเรา ถ้าคุณมีกล้องที่บันทึกเหตุการณ์แบบมัวๆ ไม่สามารถระบุหมายเลขทะเบียนของรถคู่กรณีได้ หรือมองเห็นแค่เพียงในระยะของแสงไฟติดหน้ารถตัวเองยามค่ำคืน กล้องติดหน้ารถยนต์นั้นก็คงเป็นแค่อุปกรณ์บริโภคแบตเตอรี่ที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ให้เกิดประโยชน์นั้นมีปัจจัยอะไรที่ควรให้ความสำคัญบ้าง…
- คุณภาพและขนาดของไฟล์ที่ได้ทั้งวีดีโอและภาพนิ่ง
- องศาการรับภาพและความไวแสงของเลนส์
- ฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ควรมี ได้แก่
- อัดทับคลิปเก่าที่ไม่ได้ใช้ เพื่อไม่ให้เมมเต็มโดยเสียเปล่า (Loop Recording )
- ทำงานทันทีที่สตาร์ทรถ ไฟเข้ากล้องปุ๊บ บันทึกปั๊บ
- ล็อกไฟล์วิดีโอสำคัญๆ ได้ เพื่อป้องกันกล้องลบไฟล์ช็อตสำคัญ (Emergency Lock )
ส่วนประกอบต่างๆ ของกล้องติดรถยนต์
คุณภาพของไฟล์ที่ได้ทั้งวีดีโอและภาพนิ่ง
กล้องติดรถยนต์ที่มีความละเอียดของไฟล์ยิ่งมาก ยิ่งถ่ายทอดรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีมากยิ่งกว่า โดยความละเอียดของกล้องที่มีให้เลือกใช้งานในปัจจุบันหากให้เรียงลำดับตามความละเอียดจากน้อยไปมากก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น
- 480P : เป็นความละเอียดระดับเริ่มต้นของกล้องติดรถยนต์รุ่นทั่วๆไปตามท้องตลาด ได้ความคมชัดของไฟล์เทียบเท่าการดูภาพยนตร์จาก DVD
- 720P : ความละเอียดเริ่มต้นของไฟล์วีดีโอระดับ HD ที่ความคมชัดอยู่ในระดับที่สามารถพึ่งพาและใช้งานได้จริง
- 1080P : ความละเอียดระดับ Full HD เป็นความละเอียดที่กล้องติดรถยนต์ส่วนใหญ่เลือกใช้งาน เพราะเป็นมาตรฐานเดียวกับอุปกรณ์รับชมอย่างทีวีในยุคปัจจุบัน
- 2K และ 4K : เป็นความละเอียดในระดับสูงที่ถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างคมชัดมากที่สุด ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมใช้งานในกล้องติดรถยนต์เท่าใดนักเนื่องจากไฟล์ที่บันทึกจะมีขนาดใหญ่ส่งผลให้เวลาในการบันทึกสั้นลง
จริงอยู่ที่ความละเอียดมากกว่าย่อมให้รายละเอียดในภาพที่ครบถ้วนมากกว่าจากพื้นที่พิกเซลที่เพิ่มเข้ามา แต่ก็จะเป็นภาระในการจัดเก็บไฟล์ที่ต้องใช้หน่วยความจำ (Memory Card) ที่มีความจุสูงและมีความเร็วในการอ่านเขียนสูงเพื่อที่จะบันทึกไฟล์ที่ถ่ายไว้ได้อย่าง Realtime ซึ่งส่งผลถึงราคาของกล้องและหน่วยความจำที่เพิ่มมากขึ้น “ผมแนะนำว่าความละเอียดระดับ Full HD น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานตามปกติแล้วครับ”
Frames Rate
เฟรมเรตเปรียบเสมือนจำนวณภาพนิ่งต่อ 1 วินาทีที่กล้องนำมาเรียงต่อกันจนกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีโอ ซึ่ง Frame Rate ยิ่งมากภาพก็จะยิ่งลื่นไหลมากขึ้น อย่าง 24fps. ภาพจะลื่นไหลไม่เท่า 30 หรือ 60 fps. ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกกล้องที่ให้อัตราภาพที่ 30fps. ขึ้นไปเลยจะดีที่สุด เนื่องจากการจับภาพนิ่งจากวิดีโอที่ถ่ายออกมา ถ้าจับภาพจากวิดีโอ 60 fps. เราจะมีโอกาสได้ภาพนิ่งอันคมชัดสูงกว่า 30 fps. / 25 fps. ซึ่งนั่นอาจหมายถึงโอกาสในการระบุเลขทะเบียนรถในช่วงที่รถคันก่อเหตุกำลังหลบหนีจะเพิ่มหรือลดลงตามค่าของกล้องที่บันทึกได้ แต่ก็อย่าลืมว่าจำนวณภาพที่เอามาเรียงต่อกันให้เป็นวีดีโอหรือ Frame Rate ยิ่งมาก ก็ย่อมเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่าเช่นเดียวกันนะครับ
WDR (Wide Dynamic Range)
คือกระบวนการทางฮาร์ดแวร์กล้องในการรับค่า Dynamic Range ที่สูงกว่ากล้องมาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถรับค่าแสงได้กว้าง รับค่าแสงที่มืดสุดยันสว่างสุดในการเปลี่ยนผ่านได้ดี เช่น จังหวะที่รถกำลังแล่นออกจากอุโมงค์ลอดข้ามแยกมืดๆ ในเวลาเที่ยงวันอันแดดจ้า ช่วงการเปลี่ยนถ่ายของความสว่างขึ้นสูงมาก ถ้ากล้องไม่สามารถรับค่า Dynamic Range ที่กว้างพอ ภาพจะมืดหรือสว่างจนมองไม่เห็นรายละเอียดขณะขับผ่านช่วงแสงที่มีความแตกต่างกันมากๆเช่นนี้
HDR (High Dynamic Range)
คือกระบวนการทางซอฟต์แวร์กล้องในการประมวล Dynamic Range ของภาพให้สูงกว่ากล้องมาตรฐานทั่วไป ทำให้สามารถภาพมีรายละเอียด ความต่างสี ความคมชัด และค่าแสงที่สมดุลมากยิ่งขึ้น อย่างจากตัวอย่าด้านบน ในจังหวะที่รถกำลังแล่นออกจากอุโมงค์ลอดข้ามแยกมืดๆ ในเวลาเที่ยงวันอันแดดจ้า HDR ช่วยให้เห็นโทนสีและรายละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้ากล้องไม่สามารถรับค่า Dynamic Range ที่กว้างพอ ภาพจะมืดหรือสว่างจนมองไม่เห็นรายละเอียดเท่าที่ควร
องศาการรับภาพและความไวแสงของเลนส์
ค่าความกว้างของเลนส์
ยิ่งกล้องตัวไหนสามารถเก็บภาพได้กว้าง คุณยิ่งได้เปรียบในการเก็บภาพสถานการณ์ได้มากขึ้น โดยปกติความกว้างของเลนส์กล้องติดรถยนต์จะอยู่ราวๆ 90-120 องศา ซึ่งเราขอแนะนำให้คุณเลือกกล้องติดรถยนต์ที่ค่าเลนส์กว้างระหว่าง 120-140 องศา ไม่ควรกว้างมากเกินไปกว่านี้เพราะจะยิ่งเกิดความผิดเพี้ยนของภาพรวมถึงส่งผลต่อความคมชัดบริเวณขอบภาพที่เลนส์มุมกว้างมากๆมักทำได้ไม่ดีนัก
ความไวต่อแสงของเลนส์
บนหน้าเลนส์จะมีตัวเลขเป็นจุดทศนิยมที่บอกค่าความสว่างของชิ้นเลนส์ ที่ตัวเลขยิ่งน้อยก็จะยิ่งส่งผลให้เซนเซอร์รับภาพได้รับแสงในปริมาณที่มากยิ่งขึ้นอย่างเช่น F1.8 นั้นไวต่อการรับแสงได้ไวมากกว่า F2.0 ซึ่งการเลือกกล้องที่ใช้เลนส์ตัวเลข F ต่ำๆอย่าง 1.8 จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อต้องบันทึกวีดีโอในเวลากลางคืนหรือในบริเวณที่มีสภาพแสงน้อย เพราะวีดีโอผลลัพธ์จะสว่างมากกว่าเลนส์ที่ไวแสงน้อยกว่าครับ
ฟีเจอร์ต่างๆ
กล้องหลายตัวมีความสามารถสารพัดอย่างเพื่อสร้างความแตกต่าง หรือเพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยในที่นี้จะนับฟีเจอร์หลักที่มักพบในกล้องส่วนใหญ่มีประมาณนี้
- Loop Recording
โดยปกติกล้องติดรถยนต์จะบันทึกแบบสั้นๆ 30 วินาที, 1, 3, 5, 10 นาทีต่อคลิป เป็นต้น โดยจะบันทึกไปเรื่อยๆจนกว่าหน่วยความจำจะเต็ม เพื่อการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพกล้องจะเขียนทับคลิปวิดีโอที่เก่าสุดออกไปจากหน่วยความจำ
- G-Sensor
เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ตัว G แทนคำว่า Gravity (ความโน้มถ่วง) โดยปกติเซนเซอร์นี้จะทำงานร่วมกับระบบ Emergency Lock ไว้ใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแล้วล็อคไฟล์นั้นไว้เพื่อไม่ให้ถูกบันทึกซ้ำทับจาก Loop Recording - Emergency Lock
ระบบล็อกไฟล์ในเหตุฉุกเฉิน สิ่งนี้จะทำงานคู่กับ G-Sensor เมื่อมีแรงกระแทกรุนแรงเกิดขึ้น กล้องจะล็อกคลิปวิดีโอที่กำลังบันทึกอันนั้นให้ไม่สามารถลบได้
- Microphone
เก็บเสียงการสนทนาขณะบันทึกภาพ แม้ไมโครโฟนจะอัดเสียงแค่ภายในห้องโดยสาร แต่ก็ใช้ประโยชน์ในการบันทึกเสียงสภาพแวดล้อมโดยรวมขณะขับรถ
ฟีเจอร์เสริม เพิ่มเติมจากรุ่นปกติ โดยจะพบในรุ่นที่ราคาสูง ที่จะพบได้ในส่วนมากจะมีประมาณนี้
- WiFi
สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ App บนสมาร์ตโฟนเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงคลิปวิดีโอและภาพถ่ายบนตัวกล้อง โดยไม่จำเป็นต้องถอดหน่วยความจำกล้องออกมาเสียบกับคอมพิวเตอร์
- Parked Recording
ปกป้องรถคุณขณะจอดรถอยู่โดยกล้องจะสแตนบายอยู่ตลอดเวลาแม้เครื่องยนต์จะดับลงแล้วเพื่อบันทึกวีดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีความเคลื่อนไหวผ่านหน้ากล้องรถยนต์ (ส่วนใหญ่ต้องต่อสายไฟตรงจากแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อให้กล้องสแตนบายอยู่ตลอดเวลาแม้ขณะดับเครื่องยนต์แล้ว) - ADAS
ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems เป็นระบบแนะนำและช่วยเตือนคนขับรถ เพื่อไม่ให้ขับคร่อมเลน, แจ้งเตือนเมื่อใช้ความเร็วในการขับขี่สูงเกินกำหนด, แจ้งเตือนเมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป
- GPS
ฟีเจอร์ในการบันทึกข้อมูลของตำแหน่ง เวลา และความเร็วในการขับรถ ซึ่งเป็นข้อมูลเพิ่มจากการบันทึกวิดีโอทั่วไป ต้องใช้ App ในการอ่านข้อมูลโดยเฉพาะ
จากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าที่ท่านคาดคิด อย่างไรก็ดี เพื่อความอุ่นใจในวินาทีที่เกิดเหตุขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ หรือเลี่ยงการซื้อกล้องที่บันทึกเหตุการณ์ได้ไม่ดีเพียงพอ เพราะตัวเลือกของกล้องติดรถยนต์นั้นหลากหลายคุณภาพและกลุ่มราคา ซึ่งกล้องที่มีคุณภาพจริงๆ นั้นไม่แพงอย่างที่คิดเสมอไป และกล้องที่ถูกอย่างมากบางตัวก็ไม่ได้เหมาะสมเช่นเดียวกัน ด้วยบทความนี้ เชื่อว่าจะทำให้คุณเลือกกล้องติดรถยนต์สุดที่รักของคุณได้อย่างคุ้มค่าต่อการใช้งานและงบประมาณของคุณเองนะครับผม
เลือกซื้อเลือกช้อปสินค้ากล้อง ได้ที่ >กล้อง<
