เด็กๆ มักจะถูกสอนว่า ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันฟันผุและควรใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที โดยเทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรสะบัดข้อมืออย่างสั้นๆ เป็นจังหวะและอ่อนโยน แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราแปรงฟันได้นานพอ หรือทำความสะอาดฟันได้สะอาดลึกทุกซอกมุมจริงๆ เพราะแท้ที่จริงแล้วการเลือกแปรงสีฟันที่ดีควบคู่ไปกับการแปรงฟันให้ถูกวิธี เพื่อสามารถป้องกันการเกิดคราบพลัคที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดคราบหินปูนและโรคเหงือกอักเสบได้ในระยะยาว
คราบพลัค ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียในช่องปากที่เจริญเติบโตจากน้ำลายและอาหารที่เรากินเข้าไป โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ขนมขบเคี้ยวที่มีความเหนียวรวมถึงชา กาแฟ เมื่อกรดจากคราบพลัคถูกปล่อยออกมาสัมผัสกับฟัน หลังจากเรากินอาหารเรื่อยๆ ผิวฟันจะแตกออกและทำให้เกิดฟันผุขึ้นในที่สุด
แปรงสีฟันไฟฟ้าถูกคิดค้นมาตั้งแต่ยุค 1930 มีการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง แต่การใช้งานหลักๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จนกระทั่งในช่วง 1990 แปรงสีฟันไฟฟ้ากลับมาเป็นที่นิยมอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการทำความสะอาดฟัน
บางคนอาจจะยังมีคำถามว่า แปรงสีฟันไฟฟ้า ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดาจริงหรือไม่ ? ลองมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ กันไปเลย
—————————————————————————————————–
แปรงสีฟันธรรมดา
—————————————————————————————————–
ข้อดี “แปรงสีฟันธรรมดา”
- ทำความสะอาดฟันได้ทั่วด้วยเทคนิคส่วนตัว คุณสามารถทำความสะอาดช่องปากให้สะอาดได้ด้วยแปรงสีฟันธรรมดา ใน 2 นาทีโดยใช้ความรู้สึกหรือเทคนิคส่วนตัวของตัวเอง
- มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขนาดหัวแปรงรูปแบบของด้ามจับ สีสัน ล้วนมีให้เลือกมากมาย
- พกพาไปไหนมาไหนค่อยข้างสะดวก
- ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ และไม่ต้องชาร์จไฟ
- ราคาไม่แพง แปรงสีฟันธรรมดาราคาอยู่ที่ 20-300 บาท ในขณะที่แปรงสีฟันไฟฟ้าราคาอยู่ที่ 500-10,000 บาท
ข้อเสีย “แปรงสีฟันธรรมดา”
- ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เสร็จ การแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรแปรงให้ถึง 2 นาที แปรงสีฟันธรรมดาไม่มีระบบจับเวลาในตัว บางทีอาจใช้ความรู้สึกเป็นตัวกำหนดระยะเวลาที่แปรงฟัน
- เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่คุณต้องออกแรงเพื่อให้หน้าที่การแปรงฟันเสร็จสิ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- อาจแปรงไม่ทั่วถึง ขนาดหัวแปรงที่ใหญ่นั้น อาจทำให้การแปรงฟันไม่ทั่วถึง เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงมุมที่เข้าถึงได้ยาก
—————————————————————————————————–
แปรงสีฟันไฟฟ้า
—————————————————————————————————–
ข้อดี “แปรงสีฟันไฟฟ้า”
- ใช้งานง่าย แปรงสีฟันไฟฟ้าทำการแปรงให้เราอัตโนมัติ เพียงแค่จับแปรงให้ทำมุม 45 องศาเท่านั้น
- ออกแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก ผลงานวิจัยหลายบทความแสดงให้เห็นว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าขจัดคราบหินปูนและป้องกันโรคเหงือกอักเสบได้ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- เกิดความรู้สึกสนุกสำหรับเด็ก ถ้าเกิดเด็ก ๆ ไม่ชอบแปรงฟันหรือไม่อยากแปรงฟัน แปรงสีฟันไฟฟ้า อาจเป็นตัวเลือกที่เด็กๆ ชอบ
- มีระบบจับเวลา แปรงสีฟันไฟฟ้ามีระบบจับเวลาในตัว ไม่ต้องคาดเดาว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
ข้อเสีย “แปรงสีฟันไฟฟ้า”
- ต้องชาร์จไฟหรือต้องใส่ถ่าน คุณจะต้องชาร์จไฟหรืออาจต้องเปลี่ยนถ่านบ่อย
- ราคาสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา แปรงสีฟันไฟฟ้ามีราคาสูงกว่า ยิ่งถ้าคุณต้องการความสามารถที่เพิ่มขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นเช่นกัน
- อาจพกพาไปไหนมาไหนไม่สะดวก หากคุณต้องเดินทางบ่อยๆ การพกแปรงสีฟันไฟฟ้าอาจไม่สะดวกเท่ากับแปรงสีฟันธรรมดาทั่วไป เนื่องจาก คุณต้องพกทั้งแปรงสีฟันและที่ชาร์จไปด้วยพร้อมๆ กัน
- อาจพังได้เมื่อหล่นลงพื้น
เมื่อเทียบกันชัดๆ แบบนี้แล้วก็อยู่ที่ผู้ใช้งานจะเลือกแล้วล่ะค่ะ ว่าจะเลือกแบบไหน อะไรที่มีประโยชน์ สะดวกสบายและถูกใจมากกว่ากัน แต่ถ้าหากถูกใจแปรงสีฟันไฟฟ้าก็สามารถเลือกช้อปได้ที่นี่เลยค่ะ >> คลิ๊ก <<
Source : bansmartshop.com , www.sanook.com , tsmactive.com , www.lnkreview.com