เสี่ยวมี่ (Xiaomi) เปิดตัว โทรศัพท์ รุ่นใหม่ Redmi 5 และ Redmi 5 Plus แสดงผลแบบเต็มหน้าจอพร้อมประสิทธิภาพการทำงานเหนือระดับด้วยชิปประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ บนเทคโนโลยีระดับ 14 นาโนเมตร ที่ปรับปรุงระบบใหม่ MIUI 9 บนความจุแบตเตอร์รี่สุดอึดถึง 3300 และ 4000 mAh ตอกย้ำถึงความเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมทันสมัยในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง
กลายเป็นรุ่นแรกของ Xiaomi ที่ปล่อยเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตระกูล Redmi series โดยตระกูล Redmi series รุ่นแรกมีระบบเต็มหน้าจอแบบ Full-Screen อัตราส่วน 18:9 แตกต่างหน้าจอปกติที่มีอัตราส่วน 16:9 กับขนาดหน้าจอพื้นฐานเพียงแค่ 5.5 นิ้ว แต่ Redmi 5 และ Redmi 5 Plus ขยายพื้นที่หน้าจอกว้างมากขึ้นถึงร้อยละ 12.5 เป็นขนาด 5.7 นิ้ว และ 5.99 นิ้ว เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานบนมือถือได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ทำให้ถูกตัดปุ่ม Home ทิ้งและออกแบบด้วยปุ่มนำทางบนหน้าจอแทน พร้อมระบบเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ก็ถูกจัดวางไว้ด้านหลังของเครื่องทั้งคู่ ด้านดีไซน์ของ 2 รุ่น มาพร้อมตัวเครื่องที่เป็นวัสดุโลหะแบบ Full metallic มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีทอง (Gold), สีชมพู (Rose Gold), สีฟ้า (Blue) และสีดำ (Black)
Redmi 5 และ Redmi 5 Plus ยังได้พัฒนากล้องยามอยู่ในมุมมืด กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์ความละเอียด 1.25 ไมครอน ที่มีความละเอียดสูงสามารถจับแสงได้มากขึ้นแม้อยู่ในที่แสงน้อย ส่วนกล้องหน้ามีระบบไฟหน้า LED แสงธรรมชาติ พร้อมโหมดความงาม Beautify 3.0 เก็บรายละเอียดได้โดดเด่นมีคุณภาพ และยังมีโหมดวีดีโอแบบ always-on ทำให้สนุกกับการถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น
Xiaomi Redmi 5
แบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ รุ่น RAM 2GB + ROM 16GB และรุ่น RAM 3GB + ROM 32GB ทำงานบนพื้นฐาน MIUI 9 ครอบบน Android Nougat จอ 5.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ 720 x 1440 CPU Snapdragon 450 , GPU Adreno 506 แบตเตอรี่ 3,300 mAh
Xiaomi Redmi 5 Plus
แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น RAM 3GB + ROM 32GB และรุ่น RAM 4GB + ROM 64GB ทำงานบนพื้นฐาน MIUI 9 ครอบบน Android Nougat จอ 5.99 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2160 CPU Snapdragon 625 , GPU Adreno 506 แบตเตอรี่ 4,000 mAh
จากพัฒนาการที่มากขึ้นของบรรดายี่ห้อมือถือจากจีน ทำให้เวลานี้โลกของเราเกิดสมาร์ทโฟนขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่จากเจ้าดังที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้อีกต่อไป ข้อดีจึงตกมาอยู่กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ทุกคนที่จะได้พบกับนวัตกรรมชั้นดีแต่ราคาเข้าถึง อย่างสมาร์ทโฟน 2 รุ่นนี้นับเป็นอีกตัวอย่างอันเห็นภาพชัดเจนว่า ด้วยฟีเจอร์ระดับแนวหน้าแต่ว่าราคากลับไม่ได้แรงอย่างใครคิดเอาไว้ ทุกคนสามารถจับจองได้ในราคาไม่ถึงหมื่นและเชื่อว่าจะกลายเป็นมือถือที่ได้รับความนิยมทั้งในบ้านเรารวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ภาพประกอบ : mi.com
