ยื้อชีวิต Smartphone ของคุณที่เปียกชื้นจากเทศกาลสงกรานต์

แน่นอนว่าอากาศอันร้อนระอุในช่วงเดือนเมษายนนี้ ใครหลายคนคงนึกถึงการเล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ที่นอกจากจะช่วยลดระดับอุณหภูมิในร่างกายได้แล้วยังสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้เล่นน้ำได้อย่างมากมาย ยิ่งในปัจจุบันอันเป็นยุคแห่งโซเชี่ยล มีรึที่จะพลาดการอัปสเตตัสบ้าง หรือ Facebook Live บรรยากาศให้เพื่อนทั้งหมู่มวลได้รับชม ซึ่งก็เป็นเรื่องดีในการเห็นหลากมุมมองของวงสังคมของผองเพื่อน แต่หลายคนอาจสนุกจนลืมไปว่าสมาร์ทโฟนตัวเก่งของเรานั้นเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ถูกกับน้ำหรือของเหลวเอาซะเลย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีซองกันน้ำที่รับรองว่าโทรศัพท์ของคุณจะปลอดภัยจากการสาดน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือโทรศัพท์บางรุ่นจะออกแบบมาให้รองรับการซึมของเหลวได้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เรียกว่า “ข้อผิดพลาดทางการผลิต” นั้นเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจะมาแนะนำวิธีการจัดการเพื่อยื้อชีวิต Smartphone ตัวเก่งของคุณทันทีที่คุณรู้ตัวว่าเกิดความผิดปกติเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากของเหลวไหลซึมเข้าไป เพื่อลดหรือจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ

ปิด

ปิดเครื่องทันทีที่คุณรู้ว่าของเหลวกำลังจะสร้างปัญหาให้กับ Smartphone ของคุณ ให้ไวที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ เนื่องจากการให้เครื่องทำงานขณะเปียกชื้น เสี่ยงต่อการช็อตทางไฟฟ้าของขั้วแบตเตอรี่กับแผงวงจรหลักของโทรศัพท์ได้ นอกจากจะปิดเครื่องแล้วก็ควรงดการกดปุ่มใดๆ โดยไม่จำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น เพราะการกดไปยังจุดเชื่อมต่อต่างๆที่ขยับเขยื้อนได้ก็หมายถึงการเปิดประตูต้อนรับให้น้ำไหลเข้าไปเพิ่มเติมตามจุดนั้นๆ

 

ถอด

ถอดซิมการ์ด, MicroSD ออกมาให้หมด ค่อยๆ ถอดอุปกรณ์ต่างๆ ออกมา โดยเริ่มจากแบตเตอรี่ (ถ้าโทรศัพท์ของคุณสามารถออกได้) ตามด้วยการถอดซิมการ์ดและ MicroSD ออกเพราะอาจมีน้ำขังอยู่บริเวณช่องว่างระหว่างการ์ดและตัวเครื่องซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ข้อควรระวัง อย่าพยายามแกะชิ้นส่วนที่ผู้ผลิตไม่ได้ออกแบบให้บุคลลทั่วไปเข้าถึงได้ หรือการงัดเครื่องที่ประกอบแบบซีลปิดแน่น เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมโดยไม่รู้ตัวได้นะ

ล้าง ซับ และเป่า

น้ำทะเล น้ำที่ได้รับการผสมหรือปนเปื้องสิ่งต่างๆมามักจะสร้างความเสียหายให้กับแผงวงจรและ Smartphone ของคุณได้มากกว่าน้ำสะอาด ดังนั้นหากโทรศัพท์ของคุณเปียกน้ำจากแหล่งอื่นๆที่ไม่ใช้น้ำเปล่าสะอาดให้รีบล้างสมาร์ทโฟนด้วยน้ำดื่มหรือน้ำประปาทันที จากนั้นพยายามซับน้ำ เช็ดรอบๆ ตัวเครื่องออกอย่างเบามือด้วยผ้าหรือทิชชู่ โดยหลีกเลี่ยงการกดไปที่ปุ่มต่างๆบนตัวเครื่องเพราะน้ำอาจซึมเข้าเครื่องจากการขยับเขยื้อนของปุ่มเหล่านั้น เช็คให้หายชื้นจนแห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้อควรระวัง คืออย่าเขย่าเครื่องเพื่อไล่น้ำที่ติดอยู่ภายนอกตัวเครื่องออกเพราะการเขย่าอาจทำให้น้ำกระจายเข้าไปภายในมือถือมากขึ้น เข้าถึงส่วนประกอบภายในได้มากกว่าที่คิด และควรหลีกเลี่ยงการใช้ลมร้อนเป่าเข้ามือถือ เพราะเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวแผงวงจรและกาวที่ใช้ในการประกอบโทรศัพท์อีกด้วย

แช่

ข้าวสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้เป็นอย่างดี จึงอาจใช้เป็นตัวช่วยในการดูดซับความชื้นจากของเหลวที่อยู่ภายในตัวเครื่องได้ หลังจากที่เช็ดให้ภายนอกตัวเครื่องแห้งแล้วแนะนำให้แช่โทรศัพท์ไว้ในถังข้าวสาร หากไม่มีถังข้าวสาร อาจะใช้ถุงซิปล็อคที่บรรจุข้าวสารอยู่ 3/4 ของขนาดถุงทำหน้าที่แทนได้ จากนั้นใส่โทรศัพท์ลงไปในซิปล็อคที่มีข้าวสาร และปิดซิปให้สนิทแล้วปล่อยทิ้งไว้ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 วัน (24 ชั่วโมง) ข้อควรระวัง ก่อนแช่ให้ระวังช่องว่างที่อาจใหญ่พอให้เม็ดข้าวเข้าไปอุดตัน เช่น ช่องหูฟัง, ช่อง USB-C เป็นต้น

หลังจากครบ 24 ชั่วโมงแล้ว (แต่แนะนำให้ 48 ชั่วโมงเพื่อความชัวร์มากกว่า) หลังจากที่ท่านไปบนบานด้วยการไหว้พระเก้าวัด (หรือน้อยกว่านั้น) มาแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการลุ้นระทึก เริ่มจากตรวจสอบสภาพภายนอกว่าไม่มีของเหลวหลงเหลืออยู่แล้ว จากนั้นให้ลองเปิดเครื่องดูว่า ตัวเครื่องสามารถเปิดใช้งานได้หรือไม่ ถ้าเครื่องทำงานได้ตามปกติ ก็เริ่มตรวจสอบฟังก์ชั่นพื้นฐานไปเรื่อยๆ เช่น การเช็คกล้อง, หน้าจอ, ไมโครโฟน, ลำโพง และปุ่มกด เนื่องจากชิ้นส่วนดังกล่าวอาจเสียหายได้โดยง่ายหรือทำงานผิดไปจากปกติ ถ้าสมาร์ทโฟนคุณกลับมาเป็นปกติสุด ยินดีด้วยครับผม! แต่ถ้าไม่กลับมาเป็นปกติ คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการส่งไปหาศูนย์บริการเพื่อให้ช่างฯ จัดการเสียดีกว่าครับ

 เลือกซื้อและชมสินค้าโทรศัพท์มือถือ &แท็บเล็ต ได้ที่นี่ >โทรศัพท์มือถือ &แท็บเล็ต<