ดั่งคำพูดที่ว่า ‘ถ้าอเมริกาฝั่งตะวันออกคือ Converse ฝั่งตะวันตกก็คือ Vans‘ แบรนด์รองเท้าชื่อดัง เจ้าของสนีกเกอร์สุดคลาสสิก (Sneaker) ที่ทุกวันนี้ยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัยและยังคงทันสมัยไม่เสื่อมคลาย ทั้งๆ ที่นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว แล้วรองเท้ารุ่นยอดนิยมเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ยังคงได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าในปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายรุ่นหลากสไตล์ที่ผู้บริโภคก็ยังคงซื้อหาได้ง่ายๆ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากเลย
แต่ก่อนอื่นเรามาย้อนเวลากลับไปด้วยกันถึงต้นกำเนิดของแบรนด์ Vans ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้างกว่าจะมาเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้
ต้นกำเนิดแบรนด์รองเท้าในตำนาน
Paul Van Doren ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับโรงงานผลิตรองเท้ามาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งขึ้นมาเป็นถึงรองประธานโรงงานรองเท้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา ด้วยประสบการณ์ที่เขามีทำให้เขาคิดว่า โรงงานทำเงินจากการผลิตรองเท้าได้น้อยมาก ที่ทำเงินได้มากจริงๆ คือร้านขายรองเท้าต่างหาก เขาจึงร่วมกับ Jim Van Doren, Gordon Lee และ Serge D’Elia รวมตัวกันก่อตั้ง Van Doren Rubber Company ขึ้น โรงงานและร้านค้าแห่งแรกของ Vans เกิดขึ้นในปี 1966 โดยเริ่มแรกทางร้านยังมีรองเท้าเพียงไม่กี่คู่ซึ่งไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย แต่ก็ใช้วิธีให้ลูกค้าระบุสีและไซส์ที่ต้องการแล้วสั่งผลิตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันแสนสั้น
หลังจากเปิดร้านสาขาแรกไปแล้ว เพียง 10 สัปดาห์ก็สามารถเปิดสาขาได้อีก 10 สาขา และยังเปิดสาขาได้อีกเป็นเท่าตัวภายในเวลาเพียงครึ่งปี เนื่องจากกำไรต่อการผลิตรองเท้าหนึ่งคู่นั้นต่ำมาก หากต้องการคุ้มทุนต่อการผลิตก็ต้องผลิตจำนวนมาก จึงต้องเปิดร้านให้มากเพื่อให้ขายได้มาก แต่ก็มีช่วง 80’s ที่ทางแบรนด์ก็ต้องประสบกับภาวะวิกฤตจนแทบจะล้มละลาย กอปรกับต้องเปลี่ยนเจ้าของ ทำให้ตัวตนของแบรนด์หายไป กระทั่งในช่วงปี 2000 ผู้คนเริ่มคิดถึงสไตล์คลาสสิกฉบับ Vans และโชคดีที่ทางแบรนด์เองก็หลงทางไม่นานนัก ทำให้กลับมาครองตลาดได้สำเร็จอีกครั้ง
ต่อจากนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรุ่นรองเท้ายอดนิยม ที่ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เสมอมา ประกอบด้วยรองเท้าทั้ง 4 รุ่น ดังนี้
AUTHENTIC (Style #44)
รองเท้ารุ่นแรกเปิดตัวเป็นวันแรกพร้อมกับวันเปิดร้านสาขาแรกในแคลิฟอร์เนียเมื่อ 16 มีนาคม 1966 สร้างขึ้นบนความตั้งใจที่ว่า อยากให้รองเท้าหนาและทนเหมือนรถถัง รุ่นนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของแม่พิมพ์พื้นรองเท้าลายวาฟเฟิล (the waffle sole) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วย หากใครที่ยังคงชื่นชอบรองเท้ารุ่นนี้อยู่ ต้องขอบอกเลยว่าเป็นที่สุดแห่งความคลาสสิก โดยเฉพาะสี Navy Blue, White, Loden Green และ Red
OLD SKOOL (Style #36)
รองเท้ารุ่นนี้เริ่มผลิตขึ้นในปี 1976 ซึ่งเป็นช่วงทศวรรษที่สเก็ตบอร์ดกำลังอยู่ในกระแส จุดพลิกผันของรองเท้ารุ่นนี้เกิดจาก 2 นักสเก็ตบอร์ดชื่อดังในสมัยนั้นบังเอิญไปพบกับรองเท้ารุ่นนี้เข้า หลังจากได้ลองสวมแล้วก็รู้สึกว่านี่คือรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นสเก็ตบอร์ด แล้วด้วยรองเท้ารุ่นนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นรองเท้าที่ทนทานในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะพื้นรองเท้าสามารถยึดเกาะตัวสเก็ตบอร์ดได้ดี จึงกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าบรรดานักสเก็ตบอร์ดทั้งหลายนับแต่นั้นมา
SK8-HI (Style #38)
เปิดตัวตามรุ่น Old Skool มาไล่เลี่ยกันในปี 1978 รองเท้ารุ่นนี้มีลักษณะคล้าย Old Skool แต่ที่แตกต่างออกไปคือ ทรงหุ้มข้อเท้าเท่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งจุดประสงค์ก็คือเพื่อ Support ช่วงข้อเท้านั่นเอง รองเท้ารุ่นนี้จึงยิ่งได้รับความนิยมจากนักสเก็ตบอร์ดมากขึ้นกว่าเดิม แล้วหลังจากนั้น Sk8-Hi ก็ยังเป็นรองเท้าต้นแบบของอีกหลายๆ รุ่นที่พัฒนาต่อยอดออกไปเพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบมากขึ้นกว่าเดิม
CLASSIC SLIP-ON (Style #48)
หนึ่งในรุ่นรองเท้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับแบรนด์ จุดประสงค์หลักที่ผลิตรุ่นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายตอนสวมใส่ ให้ผู้สวมดูคล่องตัวมากขึ้น ดัดแปลงมาจากอีกรุ่นหนึ่งโดยเอาส่วนของเชือกออกไปและเพิ่มยางยืดเข้ามา ต่อมาไม่นานก็ได้เปิดตัวลายใหม่ของรุ่นนี้เพิ่มขึ้น คือ ลาย Checkerboard (Style #98) ในตอนแรกรุ่นนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ก็ยังขายได้อยู่ในเกณฑ์ดี จนกระทั่งมันไปอยู่ในหนังเรื่องหนึ่งซึ่งนั่นก็ทำให้ Slip-On Checkerboard ดังเป็นพลุแตก และขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรักรองเท้าสุดคลาสสิกที่ไม่มีวันตายอย่างรองเท้าของ Vans นี้ ก็มีวางจำหน่ายมากมายหลายแห่ง รวมถึง wemall ด้วย ไม่ว่าใครก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ไม่ยาก ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นรองเท้าที่อย่างน้อยทุกคนต้องมีสักหนึ่งคู่ไว้ในครอบครอง รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องรีบเลือกรุ่นที่ถูกใจแล้วสวมใส่เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองกันเลย!
Cr. soul4street, mendetails, mainstand
>> เลือกซื้อรองเท้ารุ่นอื่นๆ ของ Vans <<