อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว แล้วเราอยู่ในยุคสมัยที่เกือบจะทุกคนนั้นมีกล้องติดตัว(จากโทรศัพท์มือถือ) แม้แต่มือถือราคาไม่ถึงพันก็มีกล้องแล้ว แต่กับบางเหตุการณ์ เช่น การขับรถ คงไม่มีใครตั้งกล้องมือถืออัดวิดีโอไว้เองตลอดเวลา (หรือถ้าทำได้ เครื่องก็อาจร้อนจนล้มเลิกการอัดวิดีโอไปเสียเอง)
สำหรับกล้องติดรถยนต์ ปัจจัยหลักที่จะช่วยตัดสินใจเลือกมาใช้สักตัวนั้น หลายต่อหลายคนคงสนใจที่ตัวกล้อง ซึ่งมันก็จริงอยู่เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญ แต่สิ่งสำคัญต่อจากนั้นที่หลายคนอาจมองข้ามไปก็คือ เม็มโมรี่การ์ด หน่วยความจำที่เก็บวิดีโอวินาทีสำคัญในกรณีเกิดเหตุ ถ้าเม็มโมรี่การ์ดเสียหายโดยไม่รู้ตัว พอถึงเวลาจะต้องย้อนดูคลิปที่บันทึกไว้ แล้วพบว่าไม่สามารถดูได้ ก็คงชวนให้หัวเสียหรือเสียหายน่าดู
ทั้งนี้จึงอยากจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า เม็มโมรี่การ์ด ซึ่งกล้องติดรถยนต์ส่วนมากจะใช้ชนิดที่เรียกตนเองว่า MicroSD Card นั่นเอง
อะไรคือ MicroSD?
MicroSD เป็นหน่วยความจำชนิดย่อส่วนจากการ์ด SD แผ่นใหญ่ๆ โดยก่อนหน้านั้นก็มีการ์ดชนิด MiniSD ที่เล็กกว่า SD Card เดิม แต่ไม่เล็กเท่า MicroSD
จุดประสงค์หลักที่เม็มโมรี่การ์ดชนิดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานความต้องการที่ไม่เน้นใช้งานหนักหน่วง นานๆ ใช้ที แผงวงจรภายในจึงเน้นออกแบบให้มีขนาดเล็ก ไม่ต้องทนถึกมาก แต่ต้องจุได้มาก จึงทำให้ในการ์ดนั้นจะวาง Cell (เซลล์) เพื่อบรรจุข้อมูลต่อบิตให้มาก (บิต เป็นหน่วยย่อยที่สุดในหมู่มวลนี้) โดยใช้เทคนิค Triple-Level Cell ในหนึ่งจุดจะอัดได้ 3 บิต ซึ่งทำให้จุได้มากต่อพื้นที่เดียวกันกับเม็มโมรี่การ์ดที่มีความหนาแน่นต่ำกว่านั้น อย่าง Multi-Level Cell ที่หนึ่งจุดอัดได้ 2 บิต โดยกระบวนการเขียนไฟล์ลงชิปพวกนี้ มันจะจี้ด้วยกระแสไฟที่สูงกว่าการอ่านไฟล์นั่นเอง เมื่อกระบวนการเขียนอ่านทำอย่างบ่อยครั้งเข้า การที่ชิปใดๆ หนึ่งๆ จะบอดมืด จึงมีสูง การที่ชิปวางซ้อนกันก็อาจมีลูกหลงทำให้พานล้มกันไป จนทำให้การ์ดไม่สามารถใช้งานได้ดั่งเดิมในที่สุด
MicroSD Card เหมาะกับกล้องติดรถยนต์หรือไม่ ?
สำหรับ MicroSD Card ที่ออกแบบมาเพื่อการเขียนไฟล์ลงมากกว่าอ่าน สำคัญสำหรับกล้องติดรถยนต์มาก เนื่องจากต้องนำภาพลงหน่วยความจำตลอดเวลาใช้งาน แล้วยิ่งเป็นวิดีโอที่ต้องใช้การเขียนไฟล์ลงไปให้บรรเลงต่อเนื่องกัน จึงทำให้ MiniSD Card ปกติที่ขายกันนั้นไม่ค่อยจะเหมาะสมสำหรับงานด้านนี้ ถึงแม้บางท่านจะใช้การ์ดทั่วไปมาเป็นปีแต่ยังไม่เสียก็ตาม ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ไม่ได้การันตีว่าจะโชคดีเสมอไป
จากที่เรากล่าวว่าในวงการเน้นผลิตแบบ Triple-Level Cell เพื่อกดทุนการผลิตต่อปริมาณจุไฟล์แต่ละอันสูง แต่แลกมากับอายุการถูกเขียนที่ต่ำ ผู้ผลิตจึงเริ่มป้อนการ์ดที่ทนต่อการเขียนไฟล์อย่างต่อเนื่องเพื่ออุดช่องว่างในกลุ่มนี้ โดยใช้ชื่อทางการตลาดห้อยท้าย ว่า “Endurance” (แปลว่า ความอดทน) โดยการ์ดแนวนี้มักจะเน้นความสามารถในการเขียนไฟล์ถี่ ไม่เน้นความเร็วอ่านเขียนที่หวือหวา แต่เน้นใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน
ปัจจัยอื่นในการพิจารณาเลือกซื้อ
อย่างแรกสุดจากที่กล่าว คือ การเลือกการ์ดที่มีคำว่า Endurance โดยไม่ต้องสนคำนำหน้าหรือตามหลัง แต่ต้องชัวร์ว่ามี Endurance นำก่อน ซึ่งพอไว้ใจได้ เนื่องจากผู้ผลิตมักไม่กล้ากล่าวเกินจริงกับการ์ดที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับด้านนี้
ถัดมา คือข้อจำกัดของตัวกล้องเอง เนื่องจากมาตรฐานของตัว MicroSD มักมีหลากหลาย แต่ปัจจัยที่มีผลมากที่สุด คือความจุที่การ์ดรองรับ โดยผู้ผลิตจะระบุไว้ในข้อมูลทางเทคนิคว่ารองรับการ์ดได้ใหญ่สุดที่กี่ GB ซึ่งเป็นข้อจำกัดของฝั่งฮาร์ดแวร์กล้องนั่นเอง นี่อาจจะตอบได้ว่าทำไมใส่การ์ดขนาดบิ๊กๆ แล้วมันอ่านไม่เห็นการ์ด การ์ดอาจไม่เสีย แต่แค่มันไม่รู้จักว่ามีการ์ดขนาดใหญ่อยู่บนโลกเท่านั้นเอง
แต่เนื่องจากกล้องติดรถยนต์นั้น เน้นใช้ไฟล์วิดีโอเป็นบางช่วง และไม่กี่นาทีต่อคลิปเท่านั้น ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายเป็น Vlog (ไดอารี่ในแบบภาพเคลื่อนไหว ว่าวันนี้ทำอะไร ไปที่ไหน เจออะไรบนถนน) การใช้การ์ดขนาด 32GB ก็ถือว่าเพียงพอ ราคาไม่สูงจนเกินไป มั่นใจได้ว่าใช้ได้กับกล้องแทบทุกกลุ่มราคา จะเก่าจะใหม่ก็ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ถ้าเน้นถ่ายวิดีโอเป็นชั่วโมง นำไปใช้อย่างอื่นด้วยนอกจากกรณีข้างต้น แล้วกล้องติดรถยนต์ที่ซื้อมาก็รองรับขนาดใหญ่ๆ ได้ ก็สามารถจัดเต็มกับการ์ดขนาด 64GB, 128GB ได้เลย
Cr. dashboardcamerareviews.com