Covid-19 กลับมาอีกครั้ง รอบนี้แพร่กระจายเร็วกว่ารอบแรก ฉะนั้นการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ หน้ากากอนามัยที่ตอนนี้วางขายอยู่ตามท้องตลาดมีให้เลือกซื้อมากมาย หลายคนอาจเกิดความสับสนว่าหน้ากากชนิดไหนเหมาะกับการใช้งานแบบใด? หน้ากากแต่ละชนิดถูกผลิตขึ้นมาโดยมีคุณสมบัติและจุดประสงค์การใช้งานแตกต่างกัน อาจจะมีบางกรณีที่สามารถใช้หน้ากากอนามัยต่างชนิดแทนกันได้บ้าง แต่หากไม่เลือกให้ถูกตั้งแต่ทีแรกจะเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ หรือไม่ได้รับการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ ทั้งนี้ต้องรู้จักเลือกประเภทของหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับการใช้งาน
สำหรับหน้ากากอนามัยที่วางขายทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
-
หน้ากากอนามัย N95
นอกจาก Covid-19 แล้วก็ยังมีเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่มาพร้อมกับช่วงฤดูหนาวในประเทศไทยอีกด้วย หน้ากากที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุดคือประเภท N95 สามารถป้องกันฝุ่นขนาดเล็กมากตั้งแต่ 2.5 ไมครอน ไปจนถึงฝุ่นควันขนาดใหญ่ในสิ่งแวดล้อม และยังป้องกันเชื้อโรคชนิดต่างๆ ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้ดีที่สุดด้วย มีประสิทธิภาพในการกรองมากถึง 95% ที่สำคัญ หน้ากากอนามัย N95 ยังมีอายุการใช้งานนานถึง 3 สัปดาห์โดยประมาณ สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
แต่หน้ากาก N95 ก็มีข้อเสีย คือมีราคาสูงกว่าหน้ากากกันฝุ่นแบบทั่วไป หน้ากากบางรุ่นก็จะมีช่องสำหรับหายใจออก (exhalation valve) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทอากาศ หน้ากาก N95 ไม่เหมาะที่จะใช้งานกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอด และหญิงตั้งครรภ์ เพราะลมหายใจจะผ่านเข้า-ออกได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายต้องใช้พลังงานเพื่อหายใจมากขึ้น จนอาจเกิดอาการขาดออกซิเจนได้ และหน้ากากอนามัยชนิด N95 นี้ก็ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ หากนำมาใช้กับเด็กก็ต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดด้วย
-
หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น
เป็นหน้ากากอนามัยที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับสวมใส่เมื่อป่วย มีอาการไอและจาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่ผู้อื่น หรือในยามที่โรคหวัดกำลังระบาด มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นและกรองเชื้อโรคบางชนิดได้ดี เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา แต่ถ้าเป็นเชื้อไวรัส ไม่สามารถป้องกันได้ เพราะเชื้อไวรัสมีอนุภาคขนาดเล็กมากในระดับไมครอน นอกจากนี้ก็ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ ต้องเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน และหน้ากากชนิดนี้ยังไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างเต็มที่
เคยมีการถกเถียงกันในโลกออนไลน์ว่าหากมีงบน้อย ไม่สามารถซื้อหน้ากาก N95 ได้บ่อยครั้ง ก็สามารถใช้หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษพร้อมซ้อนกระดาษทิชชู่ 2 แผ่นไว้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 แต่ก็ควรสวมใส่ให้มิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้
-
หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้า
หน้ากากกันฝุ่นที่ผลิตจากผ้า จะมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับหน้ากากแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น แต่จะเน้นใช้งานสำหรับป้องกันฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และป้องกันการกระจายของเหลวจากร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย แต่ไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากได้ หน้ากากแบบผ้าไม่เหมาะสำหรับการใช้เพื่อป้องกันเชื้อโรคขนาดเล็กอย่างเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส และไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างเต็มที่
หน้ากากที่ผลิตจากผ้ายังเหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นควันขนาดใหญ่ เช่น คนทำครัวหน้าเตาย่าง คนเผาถ่าน งานไม้ที่มีฝุ่นขี้เลื่อย หรือการทำงานอื่นๆ ที่มีฝุ่นขนาดใหญ่และฟุ้งกระจาย ข้อดีของหน้ากากแบบผ้าคือ สามารถซักทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยให้ประหยัดเงิน แต่ไม่ช่วยกรองฝุ่นพิษเท่าที่ควร
-
หน้ากากป้องกันมลพิษและสารเคมี
หน้ากากประเภทนี้มีขนาดใหญ่ สวมใส่แบบครอบศีรษะ สามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สุดไปจนถึงฝุ่นละอองขนาดใหญ่ที่สุด ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่หน้ากากแบบนี้กลับไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ดังนั้นจึงไม่เหมาะนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ หน้ากากป้องกันมลพิษมีราคาสูงมาก เหมาะกับใช้ในโรงงานสารเคมี ไม่เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อได้ทราบแล้วว่าหน้ากากอนามัยประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานแบบใด การเลือกซื้อใช้ให้ถูกต้องตามจุดประสงค์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป WeMall มีประเภทหน้ากากอนามัยให้เลือกซื้อมากมาย ครอบคลุมทุกการใช้งาน สามารถเลือกซื้อได้ที่นี่เลย WeMall
ข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokbiznews
> เพื่อนๆ สามารถซื้อหน้ากากอนามัยและสินค้าจำเป็นในการฆ่าเชื้อโรคอื่นๆ คลิ๊กที่ Banner ด้านล่างได้เลยค่ะ <