หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดให้ “สมัคร” เพื่อร่วมใช้บริการ พร้อมเพย์ (PromptPay) มาตั้งแต่ 1 กรกฏาคม 2559 ซึ่งพร้อมเปิดให้ประชาชนสามารถ “ใช้งาน” ได้เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2560 กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันแถลงเปิดบริการพร้อมเพย์ให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้บริการ รับเงิน-โอนเงิน ได้แล้ว สำหรับการใช้งานประเภทนิติบุคคลจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเดือนกุมภาพันธ์และพร้อมเปิดใช้งานในเดือนมีนาคม 2560
ภาพงานแถลงเปิดใช้บริการพร้อมเพย์ : ภาพโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยจุดเด่นของพร้อมเพย์คือ หลังจากผูกบัญชีธนาคารเข้ากับระบบพร้อมเพย์แล้วผู้ใช้สามารถ รับเงิน-โอนเงิน หากันได้โดย ระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชน ไม่ต้องจำเลขที่บัญชีธนาคารเพื่อระบุปลายทางในการรับเงินอีกต่อไป ใช้ได้กับทุกธนาคารในประเทศไทย และยกเว้นค่าทำเนียมโอนเงินสำหรับยอดโอนไม่เกิน 5,000 บาท/รายการ นอกจากจะใช้รับเงินโอนเงินระหว่างบุคคลที่มีบัญชีพร้อมเพย์แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถใช้ในการรับสิทธิด้านการเงินของรัฐ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ, คืนภาษีแทนที่เช็ค เป็นต้น ท่านสามารถสมัครได้โดยเพียงแค่ใช้เบอร์โทรศัพท์ หรือเลขบัตรประชาชนผูกกับบัญชีธนาคารที่ท่านใช้อยู่
ภาพรวมของระบบพร้อมเพย์ : ภาพโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับพร้อมเพย์ เป็นโครงการในยุทธศาสตร์ National e-Payment ของรัฐบาลไทยที่ออกมาเพื่อส่งเสริมและมุ่งเน้นการใช้เงินแบบอิเล็กโทรนิกส์แทนเงินสดที่มีต้นทุนการผลิตและการจัดการที่สูง ซึ่งจะผนวกงานสวัสดิการของรัฐ, ระบบภาษี รวมไปถึงเพิ่มการใช้งานเชิง e-Payment ให้แพร่หลายมากขึ้น อันที่จริงแล้วการใช้จ่ายเงินแบบอิเล็กโทรนิกส์ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยเพราะมีภาคเอกชนหลายบริษัทได้เริ่มให้บริการในลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก่อนหน้านี้แล้วเช่น TrueMoney ที่เปิดให้ใช้บริการเงินแบบอิเล็กโทรนิกส์ผ่าน Application “Wallet”
เชื่อได้ว่าการเปิดให้ใช้งาน Promptpay นั้นไม่เพียงแค่ลดต้นทุนของการผลิตเงินสดเพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นผลพลอยได้ที่ดีสำหรับธุรกิจในเครือ e-Business ที่ลูกค้าสามารถใช้เป็นช่องทางการชำระเงินได้อย่างปลอดภัยบนแพลตฟอร์มที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจากรัฐบาล หลังจากนี้เราคงได้เห็นการแข่งขันด้าน e-Payment ดุเดือนมากขึ้น หลังจากภาครัฐมีแนวทางมุ่งสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างแน่นอนเลยทีเดียว
